Time Blocking เทคนิคบริหารเวลา จัดตารางชีวิตให้มีประสิทธิภาพ
เคยไหม? ที่คุณวางแผนตารางชีวิตประจำวันมาอย่างดี คิดว่าทุกอย่างจะเสร็จตามไทม์ไลน์และเดดไลน์ที่กำหนด แต่แล้วทั้งหมดก็พังทลายลงเพราะงานด่วนที่มีคนมาขอความช่วยเหลือ หรือปัญหาที่ต้องแก้ไขทันที แม้จะจดรายการสิ่งที่ต้องทำ (to-do list) แล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถจัดการงานให้เสร็จได้ตามที่ตั้งใจ
ไม่ต้องกังวลไป วันนี้เรามาทำความรู้จักกับ “Time Blocking” หรือที่บางคนเรียกว่า “Time Boxing” (ตามแบบฉบับของ Harvard) เทคนิคการจัดตารางเวลาที่จะช่วยให้คุณจัดการชีวิตและงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นทักษะสำคัญที่ทุกคนต้องฝึกฝน
การวางแผนตารางชีวิตประจำวันจึงเป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายได้ง่ายขึ้น เริ่มจากการทำตารางเวลาชีวิตที่ยืดหยุ่นและสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง จากนั้นใช้ตารางวางแผนชีวิตเพื่อกำหนดเวลาสำหรับงาน ครอบครัว และการพักผ่อนอย่างสมดุล หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการบริหารเวลาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้คุณเข้าใจหลักการและเทคนิคการจัดการเวลาได้ดียิ่งขึ้น มาเรียนรู้วิธีการทำ Time Blocking และประโยชน์ที่คุณจะได้รับกันเลย!
Highlight
- Time Blocking เป็นเทคนิคการจัดตารางเวลาที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน โดยแบ่งเวลาเป็นช่วง ๆ และกำหนดงานที่จะทำในแต่ละช่วงอย่างชัดเจน เพื่อให้สามารถโฟกัสกับงานแต่ละชิ้นได้อย่างเต็มที่
- การทำ Time Blocking ให้ได้ผลต้องเริ่มจากการทบทวนเป้าหมายและจัดลำดับความสำคัญของงาน รวบรวมทุกกิจกรรมลงในตาราง จัดสรรเวลาตามช่วงที่มีประสิทธิภาพสูงสุด จัดกลุ่มงานที่คล้ายกันไว้ด้วยกัน เผื่อเวลาสำหรับเหตุการณ์ไม่คาดคิด และวางแผนล่วงหน้าเสมอ
- งานที่เหมาะกับ Time Blocking คืองานที่ต้องใช้สมาธิสูง งานที่ต้องใช้เวลาต่อเนื่อง งานสร้างสรรค์ และการประชุมสำคัญ ส่วนงานเล็ก ๆ ที่ใช้เวลาไม่นาน งานที่ไม่ต้องใช้สมาธิมาก และงานประจำที่ทำเสร็จได้เร็วควรจัดการผ่าน To-do List
- การทำ Time Blocking อย่างสม่ำเสมอจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดความเครียด สร้างสมดุลชีวิต ช่วยให้บริหารเวลาได้ดีขึ้น และทำให้สามารถทำงานได้ตรงตามเดดไลน์ที่กำหนด
Time Blocking คือเทคนิคการจัดตารางเวลาที่จะเปลี่ยนวิธีการทำงานของคุณไปอย่างสิ้นเชิง โดยหลักการสำคัญคือการแบ่งเวลาในแต่ละวันออกเป็นช่วง ๆ หรือ เป็น “บล็อก” ที่ชัดเจน แทนที่จะเป็นเพียงแค่ to-do list ทั่วไป การวางแผนตารางชีวิตประจำวันด้วย Time Block จะช่วยให้กำหนดได้ว่าจะทำอะไร เมื่อไหร่ และใช้เวลานานเท่าไร
เมื่อใช้ Time Blocking ในการจัดตารางชีวิต จะทำให้เรามองเห็นภาพรวมของทั้งวันได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ตารางเวลาจะมีโครงสร้างที่เป็นระบบ ช่วยให้จัดการกับเดดไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะลืมงานสำคัญ
การจัดตารางเวลาแบบ Time Blocking แตกต่างจากตารางการใช้ชีวิตแบบทั่วไป เพราะคุณจะต้องวางแผนล่วงหน้าและจัดสรรเวลาสำหรับทุกกิจกรรม ไม่ว่าจะเป็นการประชุม งานประจำวัน หรือแม้แต่เวลาพักผ่อน ด้วยวิธีนี้ คุณจะสามารถสร้างตารางวางแผนชีวิตที่สมดุลและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
หลายคนอาจคุ้นเคยกับการจัดการงานผ่าน To-do List แต่ Time Blocking นั้นมีประสิทธิภาพมากกว่าในการจัดตารางเวลาและเพิ่ม productivity ในการทำงาน มาดูกันว่าทำไม Time Blocking ถึงเหนือกว่าการทำ To-do List แบบทั่วไป
1. มีการกำหนดเวลาชัดเจน ไม่ใช่แค่ลิสต์รายการ
ในขณะที่ To-do List เป็นเพียงรายการงานที่ต้องทำ Time Blocking ช่วยให้คุณวางแผนตารางชีวิตประจำวันได้อย่างเป็นรูปธรรม คุณจะรู้ว่าต้องใช้เวลาเท่าไหร่กับแต่ละงาน ทำให้การจัดตารางเวลามีประสิทธิภาพมากขึ้น และจัดการกับเดดไลน์ได้ดีกว่า
2. ป้องกันการประเมินเวลาผิดพลาด
การทำ To-do List อาจทำให้คุณรู้สึกว่ามีเวลาเหลือเฟือ แต่ Time Block จะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมของตารางการใช้ชีวิตที่แท้จริง ทำให้สามารถจัดสรรเวลาได้อย่างสมเหตุสมผล และไม่รับปากทำงานเกินกำลัง
3. เพิ่มความมุ่งมั่นในการทำงาน
Time Blocking ไม่เพียงสร้างความรู้สึกผูกมัดในการทำงานให้เสร็จตามเวลา แต่ยังส่งเสริมให้เกิดทีมเวิร์คที่มีประสิทธิภาพด้วย เมื่อทุกคนในทีมใช้ตารางจัดเวลาแบบ Time Block จะช่วยให้
- เห็นช่วงเวลาที่ทุกคนว่างตรงกันสำหรับการประชุมหรือทำงานร่วมกัน
- ลดการรบกวนเพื่อนร่วมงานในช่วงที่กำลังโฟกัสกับงานสำคัญ
- วางแผนการส่งมอบงานระหว่างทีมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ทุกคนเข้าใจและเคารพเวลาของกันและกันมากขึ้น
ต่างจาก To-do List ที่เป็นเพียงการติ๊กรายการส่วนตัว การจัดตารางเวลาแบบ Time Blocking ช่วยให้ทีมมองเห็นภาพรวมการทำงานร่วมกัน สามารถประสานงานและจัดสรรทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ นำไปสู่การทำงานเป็นทีมที่ราบรื่นและประสบความสำเร็จมากขึ้น
4. จัดการงานซ้ำซ้อนได้ดีกว่า
Time Block ช่วยให้การจัดตารางเวลามีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยทำให้คุณมองเห็นภาพรวมของงานทั้งหมด คุณจะสามารถระบุงานที่มีลักษณะคล้ายกันและจัดกลุ่มทำพร้อมกันได้ ต่างจาก To-do List ที่มักแยกงานออกเป็นรายการย่อย ๆ เช่น การตอบอีเมลทั้งหมดในช่วงเวลาเดียวกัน หรือการประชุมติดตามงานหลายโปรเจกต์ในวันเดียวกัน
การวางแผนตารางชีวิตประจำวันด้วย Time Blocking ช่วยลดเวลาที่เสียไปกับการสลับไปสลับมาระหว่างงาน ทำให้การจัดตารางชีวิตมีความต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลให้คุณสามารถจัดการกับเดดไลน์ของงานต่าง ๆ ได้ดียิ่งขึ้น
5. ป้องกันการทำงานหลายอย่างพร้อมกัน (Multitask)
Time Blocking ช่วยให้คุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยเน้นการทำงานทีละชิ้น ต่างจาก To-do List ที่มักกระตุ้นให้เราพยายามทำงานหลายอย่างพร้อมกัน จากการวิจัย (Watson & Strayer, Supertaskers: Profiles in extraordinary multitasking ability - psychonomic bulletin & review) พบว่ามีเพียง 2.5% ของคนทั่วไปเท่านั้นที่สามารถ multitask ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การจัดตารางเวลาแบบ Time Block ช่วยให้สมองของเราทำงานได้ตามธรรมชาติมากขึ้น เพราะโดยพื้นฐานแล้วสมองมนุษย์ถูกออกแบบมาให้โฟกัสกับงานทีละชิ้น การที่เราคิดว่าเรากำลังทำงานหลายอย่างพร้อมกันนั้น แท้จริงแล้วคือการสลับไปมาระหว่างงานอย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้ประสิทธิภาพลดลงและมีโอกาสผิดพลาดมากขึ้น
การใช้ Time Blocking จึงไม่เพียงช่วยให้คุณทำงานได้เสร็จเร็วขึ้น แต่ยังช่วยพัฒนาทักษะการโฟกัส ซึ่งเป็นทักษะสำคัญสำหรับการเรียนรู้และการทำงานที่มีคุณภาพ เช่นเดียวกับศัลยแพทย์ที่ต้องฝึกฝนการจดจ่อกับงานเดียวเป็นเวลานานเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
Time Blocking จึงไม่ใช่แค่การกำหนดเวลาให้แต่ละรายการใน To-do List แต่เป็นการเปลี่ยนวิธีคิดและการจัดการเวลาอย่างมีประทิสธิภาพมากขึ้น เมื่อคุณเริ่มใช้ Time Block จะพบว่าการจัดตารางเวลาไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป และทำให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นแน่นอน
มาดู 6 เทคนิคในการทำ Time Block ที่จะเปลี่ยนการวางแผนตารางชีวิตประจำวันของคุณให้ดีขึ้นกัน
1. ทบทวนเป้าหมายก่อนทำ Time Blocking
สำรวจงานสำคัญที่ต้องทำในแต่ละวัน ระบุเดดไลน์และความสำคัญให้ชัดเจน เพื่อให้การจัดตารางเวลามีประสิทธิภาพสูงสุด
- งานสำคัญเร่งด่วน: Apollo Pitch Meeting (9:30-11:30 น.) ควรจัดไว้ในช่วงเช้าที่มีสามารถโฟกัสและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง
- งานที่ต้องใช้สมาธิ: Focus time และ Deep work ถูกจัดไว้ในช่วงที่เหมาะสม
- งานประจำ: เช็คอีเมลถูกแบ่งเป็นช่วงเวลาที่ชัดเจน (9:00-10:00 น. และ 17:30 น.)
- การประชุมต่าง ๆ : Sales huddle, One-on-one meetings ถูกจัดกลุ่มไว้ในช่วงบ่าย ที่อาจจมีสมาธิน้อยลง
- กิจวัตรส่วนตัว: อาหารเช้า อาหารกลางวัน ออกกำลังกาย และทำอาหารเย็น มีเวลาที่แน่นอน
2. สร้าง To-do List ในแต่ละวัน
รวบรวมทุกกิจกรรมลงในตารางการใช้ชีวิต ทั้งงานประจำ การประชุม และกิจวัตรส่วนตัว จากตัวอย่างตาราง เราจะเห็นการแบ่งกิจกรรมได้ครบถ้วน:
- กิจวัตรประจำวัน: Breakfast (8:30), Lunch (12:30-13:30), Work out (16:30-17:30)
- งานประจำ: Emails, Focus time, Deep work
- การประชุม: Client calls, Team huddle, One-on-one meetings
- เวลาส่วนตัว: Break times, Downtime, Cook dinner
3. จัดสรรเวลาให้เหมาะกับแต่ละงาน
จัดสรรเวลาตามช่วงที่คุณมีประสิทธิภาพสูงสุด เช่น วางงานที่ต้องใช้สมาธิมากในช่วงเช้า และงานที่ง่ายกว่าในช่วงบ่าย
- ช่วงเช้า (10:00-11:30): Morning focus time สำหรับงานที่ต้องใช้สมาธิสูง
- ช่วงบ่าย (13:30-15:00): Deep work เมื่อกลับมาจากพักกลางวัน
- ช่วงเย็น (17:30): Emails และงานเบา ๆ ก่อนจบวัน
4. เรียงลำดับความสำคัญของกิจกรรมและงานที่ต้องทำ
จัดตารางวางแผนชีวิตโดยเรียงตามความสำคัญ จัดกลุ่มการประชุมให้อยู่ในช่วงเวลาใกล้เคียงกันเพื่อให้มีเวลาทำงานต่อเนื่อง
5. เผื่อเวลาสำหรับเหตุการณ์ไม่คาดคิด
เว้นช่วงว่างในตารางชีวิตสำหรับงานเร่งด่วน การมีความยืดหยุ่นจะช่วยให้คุณรับมือกับเหตุการณ์ฉุกเฉินได้ดี
6. จัด Time Blocking ไว้ล่วงหน้า
วางตารางจัดเวลาสำหรับสัปดาห์หน้าในช่วงสุดสัปดาห์ เพื่อเริ่มต้นสัปดาห์ใหม่อย่างมีประสิทธิภาพ
มาดูตัวอย่างการจัดตารางเวลาแบบ Time Blocking และเครื่องมือที่จะช่วยให้การวางแผนตารางชีวิตประจำวันของคุณง่ายขึ้น
งานที่เหมาะกับ Time Blocking
การจัดตารางเวลาแบบ Time Block เหมาะกับงานที่ต้องใช้สมาธิและเวลาต่อเนื่อง เช่น
- เขียนรายงาน (2-3 ชั่วโมง)
- เตรียม Presentation (1.5-2 ชั่วโมง)
- วิเคราะห์ข้อมูล (2-3 ชั่วโมง)
- ประชุมสำคัญ (1-2 ชั่วโมง)
- ทำงานสร้างสรรค์ (2-3 ชั่วโมง)
งานที่ควรใส่ใน To-do List
งานเล็ก ๆ ที่ใช้เวลาไม่นาน ควรรวมไว้ในช่วง “Quick Tasks” แทนการแยก Time Block เช่น
- โทรนัดหมาย (5-10 นาที)
- ตอบอีเมลสั้น ๆ (10-15 นาที)
- จองร้านอาหาร (5 นาที)
- เช็คตารางนัด (5-10 นาที)
เครื่องมือสำหรับจัดตารางชีวิต
1. Google Calendar
- จัดตารางการใช้ชีวิตแบบออนไลน์ได้ตลอดเวลา
- ซิงค์ข้อมูลได้ทุกอุปกรณ์
- ตั้งการแจ้งเตือนเดดไลน์
- แชร์ตารางกับทีมได้
2. Sunsama
- เชื่อมต่อกับ Google Calendar, Trello และ Asana
- ช่วยวางแผนตารางจัดเวลาแบบรายวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- มีฟีเจอร์วิเคราะห์การใช้เวลาและรายงานความคืบหน้า
- เหมาะสำหรับการจัดตารางชีวิตแบบมืออาชีพและการทำงานเป็นทีม
- ช่วยจัดลำดับความสำคัญของงานและติดตามเดดไลน์
3. Notion
- สร้างตารางวางแผนชีวิตแบบยืดหยุ่น
- ปรับแต่งรูปแบบได้ตามต้องการ
- เชื่อมโยงข้อมูลกับโน้ตอื่น ๆ
Time Blocking ไม่ใช่แค่เทคนิคการจัดตารางเวลา แต่เป็นวิธีคิดที่จะเปลี่ยนวิธีการทำงานของไปโดยสิ้นเชิง การวางแผนตารางชีวิตประจำวันอย่างเป็นระบบจะช่วยให้คุณทำงานได้มากขึ้น และยังช่วยลดความเครียดและสร้าง work-life balance ที่ดีขึ้น
หากองค์กรของคุณกำลังมองหาวิธียกระดับประสิทธิภาพการทำงานของทีม การอบรมพนักงานเกี่ยวกับการจัดตารางเวลาและเทคนิค Time Blocking อาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เพราะเมื่อพนักงานสามารถบริหารเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลลัพธ์ที่ได้จะไม่ใช่แค่งานที่เสร็จเร็วขึ้น แต่ยังรวมถึงการทำงานที่มีคุณภาพมากขึ้น ความเครียดที่ลดลง และบรรยากาศการทำงานที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
หากสนใจจัด In-house Training ที่เน้นการอัพสกิลพนักงานผ่านกิจกรรมที่สนุกสนาน Disrupt Corporate Success มีโปรแกรมที่ออกแบบเฉพาะให้เหมาะกับบุคลากรทุกระดับในองค์กร ทั้งผู้บริหาร ผู้จัดการ และพนักงานระดับปฏิบัติการ เพื่อสร้างบรรยากาศการเรียนรู้และแบ่งปันประสบการณ์อย่างเปิดกว้าง
ติดต่อทีม Corporate Success เพื่อปรึกษาหลักสูตรและกิจกรรมได้ที่
- Facebook: https://bit.ly/FBdisruptignite
- Line Official: https://bit.ly/disruptignite
- Email: all@disruptignite.com
ข้อมูลอ้างอิง
Watson, J. M., & Strayer, D. L. (n.d.). Supertaskers: Profiles in extraordinary multitasking ability - psychonomic bulletin & review. SpringerLink. https://link.springer.com/article/10.3758/PBR.17.4.479