เดินหมากธุรกิจอย่างไรในเกมกระดานโลก

September 12, 2024
Chacha Sarocha Sudtachart
Geopolitic main image

Geopolitics คืออะไร? มองการเมืองผ่านแว่นธุรกิจ

หลายท่านคงได้ติดตามข่าวความขัดแย้งระดับโลกอย่างสงครามอิสราเอล-ปาเลสไตน์ สงครามรัสเซีย-ยูเครน สงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน หรือสถานการณ์ในเมียนมาร์ แต่อาจยังสงสัยว่าเหตุการณ์เหล่านี้ส่งผลกระทบต่อประเทศไทยและชีวิตประจำวันของเราอย่างไร บทความนี้จะพาคุณทำความรู้จักกับ Geopolitics และสำรวจผลกระทบที่แทรกซึมเข้ามาในชีวิตของเราโดยที่เราอาจไม่ทันรู้ตัว

Highlight

  • ภูมิรัฐศาสตร์คืออะไร: การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างภูมิศาสตร์กับการเมือง โดยดูว่าปัจจัยทางภูมิศาสตร์ เช่น ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติ มีผลต่อการเมืองและเศรษฐกิจอย่างไร
  • เหตุใดภูมิรัฐศาสตร์จึงสำคัญต่อธุรกิจ:
  • ห่วงโซ่อุปทาน: เหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ เช่น สงคราม การคว่ำบาตร สามารถขัดขวางห่วงโซ่อุปทาน ทำให้เกิดการขาดแคลนสินค้าและราคาสูงขึ้น
  • ตลาดการเงิน: ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ทำให้ตลาดหุ้นผันผวน และค่าเงินเปลี่ยนแปลงได้รวดเร็ว
  • กฎระเบียบ: รัฐบาลอาจออกกฎระเบียบใหม่เพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ
  • ความเสี่ยง: ธุรกิจต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์
  • ภูมิรัฐศาสตร์มีผลกระทบต่อธุรกิจทุกขนาด ทุกอุตสาหกรรม การทำความเข้าใจและเตรียมตัวรับมือกับความท้าทายทางภูมิรัฐศาสตร์ เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการดำเนินธุรกิจในยุคปัจจุบัน

Geopolitics คืออะไร

Geopolitics หรือ ‘ภูมิรัฐศาสตร์’ ในภาษาไทย เกิดจากการผสมรากศัพท์คำว่า 'Geo' (พื้นดิน) ซึ่งหมายถึง Earth’s Geography หรือภูมิศาสตร์ของโลกนั่นเอง และ 'Politics' (การเมือง) หมายถึงการศึกษาอิทธิพลของภูมิศาสตร์ต่อการเมืองและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หรือพูดง่าย ๆ คือ ‘การมองพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ผ่านเลนส์ทางการเมือง’

การศึกษาภูมิรัฐศาสตร์จำเป็นต้องวิเคราะห์ ‘ตัวแสดง (Actor)’ ต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงบุคคล องค์กร บริษัท และรัฐบาลที่มีบทบาทในกิจกรรมทางการเมือง เศรษฐกิจ และการเงิน โดยพิจารณาว่าตัวแสดงเหล่านี้มีปฏิสัมพันธ์และส่งผลต่อกันอย่างไร

ขอบเขตของ Geopolitics ไม่จำกัดอยู่เพียงสงครามหรือความขัดแย้ง แต่ครอบคลุมถึงประเด็นข้ามพรมแดนอื่น ๆ ด้วย เช่น

  • โรคระบาด: อย่างการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เราคุ้นเคย หรือการกลับมาของไข้หวัดนกในปี 2024 นี้
  • ปัญหาสิ่งแวดล้อม: เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่หลายประเทศกำลังเผชิญ

ประเด็นทาง Geopolitics มีการเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา ยกตัวอย่างเช่น ปัญหาการก่อการร้ายที่เคยเป็นประเด็นร้อนในอดีตมีแนวโน้มลดลง ในขณะที่ข้อพิพาทเรื่องดินแดนและอธิปไตยกำลังทวีความสำคัญ เห็นได้จากกรณีความตึงเครียดระหว่างจีน-ไต้หวัน ความขัดแย้งอิสราเอล-ปาเลสไตน์ และสงครามรัสเซีย-ยูเครน

ทำไม Geopolitics ถึงสำคัญสำหรับธุรกิจ?

จากตัวอย่างด้านบน ทุกคนน่าจะพอเข้าใจว่าปรากฏการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อระบบเศรษฐกิจและธุรกิจ ทั้งทางตรงและทางอ้อม ตัวอย่างเช่น สงครามอิสราเอล-ปาเลสไตน์อาจส่งผลให้เกิดวิกฤตค่าครองชีพ ราคาทองคำผันผวน (ส่งผลต่อธุรกิจพระเครื่อง) หรือสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ทำให้ราคาปุ๋ยสูงขึ้น กระทบภาคเกษตรกรรม นอกจากนี้ ยังมีผลต่อตลาดการเงิน ตลาดทุน และการลงทุนระหว่างประเทศ 

เพื่อให้เข้าใจผลกระทบของ Geopolitics ต่อธุรกิจได้ง่ายขึ้น เราจะมาวิเคราะห์ในแง่มุมต่าง ๆ ดังนี้

การจัดการห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain)

Supply Chain ของโลกได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก อันเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์และการ Disrupt ทางเทคโนโลยี การระบาดของโรคโควิด-19 และสงครามรัสเซีย-ยูเครนได้เผยให้เห็นจุดอ่อนของระบบ Supply Chain ที่ซับซ้อนและพึ่งพาแหล่งผลิตหลักมากเกินไป ยกตัวอย่างเช่น

  • ห่วงโซ่อุปทานหยุดชะงัก: การระบาดของโควิด-19 และสงครามรัสเซีย-ยูเครนแสดงให้เห็นถึงความเปราะบางของระบบที่พึ่งพาประเทศใดประเทศหนึ่งมากเกินไป ส่งผลให้สินค้าและวัตถุดิบขาดแคลนและราคาพุ่งสูงขึ้น
  • ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์: นโยบายจีนเดียว (One China policy) ของจีนและสงครามรัสเซีย-ยูเครนได้เพิ่มความตึงเครียดในการเมืองโลก ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ
  • การปรับโครงสร้างห่วงโซ่อุปทานใหม่: ประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาและประเทศในยุโรป กำลังลงทุนอย่างมากในการนำการผลิตกลับประเทศ (Onshoring) และกระจายความเสี่ยงของห่วงโซ่อุปทาน เพื่อลดการพึ่งพาจีนและประเทศที่อาจเป็นคู่แข่งทางยุทธศาสตร์
  • ความท้าทายและโอกาส: การสร้างสมดุลระหว่างเศรษฐกิจและความมั่นคงของชาติ เป็นเรื่องซับซ้อน ในขณะที่ความร่วมมือระหว่างพันธมิตรมีความสำคัญ การแข่งขันเพื่อดึงดูดการลงทุนและทรัพยากรก็จะเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ

ภายใต้การ Disruption ครั้งใหญ่นี้ ประเทศไทยสามารถสร้างความได้เปรียบ โดยสามารถนำเสนอตัวเองเป็นฐานการผลิตทางเลือก เนื่องจากมีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นระบบพลังงานไฟฟ้า เครือข่ายถนน สนามบิน และนิคมอุตสาหกรรมที่พร้อมรองรับการลงทุน อ้างอิงจากการที่ประเทศไทยติดอันดับที่ 34 จาก 139 ประเทศทั่วโลกที่มีโครงสร้างพื้นฐานที่ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพ ตาม International Logistics Performance Index ประจำปี 2023 ของธนาคารโลก

 นอกจากนี้ เรายังสามารถยกระดับมาตรฐานการผลิตและความยั่งยืน สนับสนุน SMEs ให้เข้า Supply Chain ระดับโลก พัฒนาทักษะแรงงานให้ตอบโจทย์กับความต้องการของตลาด ส่งเสริมนวัตกรรมและการวิจัยและพัฒนา เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ ๆ ให้แก่คนไทยทุกคน

ความผันผวนของตลาดการเงินและอัตราแลกเปลี่ยน

  • มูลค่าเงินดอลลาร์ที่เปลี่ยนไป: ในอดีต ดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นสกุลเงินสำรองหลักของโลก อย่างไรก็ตาม ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์กำลังทำให้บางประเทศทบทวนการพึ่งพาดอลลาร์ในการทำธุรกรรมระหว่างประเทศและการถือครองเงินสำรอง
  • ความผันผวนของค่าเงิน: โดยปกติแล้วระบบอัตราแลกเปลี่ยนลอยตัวที่ใช้ในเศรษฐกิจหลักส่วนใหญ่ทำให้เกิดความผันผวนของค่าเงิน โดยมีปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพล ได้แก่ ปัจจัยทางเศรษฐกิจ เช่น สภาพเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ ดุลการค้า อัตราดอกเบี้ย ความเชื่อมั่นของตลาด และนโยบายของธนาคารกลาง 

ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนส่งผลต่อเศรษฐกิจในหลายด้าน รวมถึงความสามารถในการแข่งขันทางการค้า ต้นทุนการนำเข้า อัตราเงินเฟ้อ และการไหลเวียนของการลงทุน โดยค่าเงินที่อ่อนค่าอาจช่วยเพิ่มการส่งออก ในขณะที่ค่าเงินที่แข็งค่าอาจลดต้นทุนการนำเข้าแต่อาจส่งผลเสียต่อผู้ส่งออก ทั้งนี้ นักลงทุนมักพิจารณาเสถียรภาพของค่าเงินเมื่อตัดสินใจลงทุนระหว่างประเทศ

การวางแผนกลยุทธ์ และ นโยบายและกฎระเบียบระหว่างประเทศ

ธุรกิจต้องพิจารณาปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ และประเมินความเสี่ยงในสถานการณ์ต่าง ๆ เมื่อกำหนดกลยุทธ์ ตัวอย่างเช่น

  • บริษัทที่ดำเนินงานในภาคส่วนที่ละเอียดอ่อน (เช่น เทคโนโลยีหรือพลังงาน) จำเป็นต้องประเมินความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการคว่ำบาตร การควบคุมการส่งออก และความไม่มั่นคงทางการเมือง
  • ข้อมูลเชิงลึกทางภูมิรัฐศาสตร์กลายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการตัดสินใจอย่างมีข้อมูล

การแบ่งแยกและการรวมกลุ่ม:

  • การไหลเวียนของการค้าและการลงทุนกำลังถูกเปลี่ยนทิศทางตามแนวทางภูมิรัฐศาสตร์ ตัวอย่างเช่น
    • ส่วนแบ่งของจีนในการนำเข้าของสหรัฐฯ ลดลงเนื่องจากความตึงเครียดทางการค้า และส่วนแบ่งของสหรัฐฯ ในการส่งออกของจีนก็ลดลงเช่นกัน
    • การค้าโดยตรงระหว่างรัสเซียและตะวันตกล่มสลายหลังจากการรุกรานยูเครนและการคว่ำบาตรที่ตามมา
  • โลกที่แบ่งออกเป็นกลุ่ม (กลุ่มที่เอนเอียงไปทางสหรัฐฯ, กลุ่มที่เอนเอียงไปทางจีน และกลุ่มไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด) ส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางการค้าและการไหลเวียนของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ

ข้อจำกัดทางการค้าและการคว่ำบาตร: ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์นำไปสู่การเพิ่มขึ้นของข้อจำกัดทางการค้าและการคว่ำบาตรทางการเงิน ผู้กำหนดนโยบายต้องสร้างสมดุลระหว่างความกังวลด้านความมั่นคงของชาติกับผลประโยชน์จากการบูรณาการทางเศรษฐกิจ

การลงทุน

ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ส่งผลกระทบอย่างมากต่อการตัดสินใจลงทุนและตลาดการเงิน โดยอาจทำให้เกิดการชะลอการลงทุน ความผันผวนของตลาด และการเปลี่ยนแปลงของราคาสินทรัพย์ ผลกระทบนี้แตกต่างกันไปตามภาคส่วน โดยเฉพาะในด้านพลังงานและเทคโนโลยี ตลาดเกิดใหม่มักได้รับผลกระทบมากกว่า ในขณะที่นักลงทุนมองหาสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงที่มีความวุ่นวาย การวางแผนระยะยาวและการกระจายการลงทุนเป็นสิ่งสำคัญในการรับมือกับความเสี่ยงเหล่านี้ 

นอกจากนี้ การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment: FDI) กำลังถูกปรับเปลี่ยนทิศทางตามแนวทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยนักลงทุนพิจารณาทั้งปัจจัยทางเศรษฐกิจและผลกระทบด้านความมั่นคงของชาติ บริษัทต่าง ๆ ต้องประเมินความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ เช่น การเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง ความขัดแย้ง หรือการเปลี่ยนแปลงนโยบาย ก่อนตัดสินใจขยายธุรกิจไปยังตลาดใหม่ ทั้งหมดนี้ส่งผลต่อการเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างภูมิภาคและอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งมีผลกระทบต่อการลงทุนระหว่างประเทศ

กรณีศึกษา: Geopolitics ในโลกธุรกิจ

ภูมิรัฐศาสตร์มีอิทธิพลอย่างมากต่อการดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน ทั้งความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ นโยบายการค้า และความขัดแย้งทางการเมือง ต่างส่งผลกระทบโดยตรงต่อการดำเนินงานขององค์กรต่าง ๆ ทั่วโลก กรณีศึกษาต่อไปนี้จะแสดงให้เห็นถึงผลกระทบของปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ต่อธุรกิจ และวิธีที่องค์กรปรับตัวเพื่อรับมือกับความท้าทายและโอกาสที่เกิดขึ้น

Huawei

หมากรุกที่ล้มโดยมีโลโก้ Huawei
การหยุดชะงักของ Supply Chain ของ Huawei

Huawei คือบริษัทผู้ให้บริการชั้นนำระดับโลกด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) และอุปกรณ์อัจฉริยะที่มีฐานอยู่ในจีน ซึ่งเรารู้จักกันดีในฐานะแบรนด์โทรศัพท์ Huawei กลายเป็นจุดสนใจในสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ทวีความรุนแรงขึ้นในปี 2018 รัฐบาลสหรัฐฯ กล่าวหาว่า Huawei ทำการจารกรรมและสั่งห้ามบริษัทสหรัฐฯ ทำธุรกิจกับ Huawei โดยอ้างเหตุผลด้านความมั่นคงของชาติ

ผลกระทบ:

  • การหยุดชะงักของ Supply Chain: Huawei ถูกจำกัดการเข้าถึงสินค้าและบริการหลายอย่างจากสหรัฐฯ เช่น ระบบปฏิบัติการ Android ของ Google และชิปเซมิคอนดักเตอร์จากบริษัทอย่าง Qualcomm ซึ่งถือเป็นส่วนประกอบสำคัญในการผลิตโทรศัพท์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ 
  • การสูญเสียส่วนแบ่งตลาด: การแบนของสหรัฐทำให้ส่วนแบ่งตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลกของ Huawei ลดลง โดยเฉพาะในทวีปยุโรปและภูมิภาคอื่น ๆ ที่พึ่งพาเทคโนโลยีจากสหรัฐฯ สูง
  • ภาพลักษณ์แบรนด์เสียหาย: ชื่อเสียงของ Huawei ในตลาดตะวันตกได้รับผลกระทบในเชิงลบ เนื่องจากถูกโยงเข้ากับข้อกล่าวหาเรื่องการจารกรรม ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลงอย่างมาก

การตอบโต้ของ Huawei

Huawei ได้ลงทุนในการพัฒนาระบบปฏิบัติการของตนเอง คือ HarmonyOS และเริ่มจัดหาชิ้นส่วนภายในประเทศ บริษัทยังปรับเปลี่ยนโฟกัสไปที่ตลาดจีนและภูมิภาคอื่น ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ น้อยกว่า

Tik Tok

TikTok เป็นของบริษัท ByteDance จากประเทศจีน TikTok ได้กลายเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในระดับโลก โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ใช้งานที่มีอายุน้อย อย่างไรก็ตาม การเติบโตอย่างรวดเร็วของ TikTok ได้เผชิญกับการตรวจสอบที่เพิ่มมากขึ้นจากรัฐบาลต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐอเมริกา เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของข้อมูลและความมั่นคงของชาติ ประเด็นหลักของปัญหานี้คือความกลัวว่า TikTok อาจถูกบังคับจากรัฐบาลจีนให้ส่งมอบข้อมูลผู้ใช้ ซึ่งอาจถูกนำไปใช้ในการจารกรรมหรือกิจกรรมที่เป็นอันตรายอื่น ๆ ที่อาจตามมาได้

ผลกระทบจากภูมิรัฐศาสตร์

  1. การดำเนินการของรัฐบาลสหรัฐฯ
    • ในปี 2020 อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกคำสั่งฝ่ายบริหารแบบแอปพลิเคชัน TikTok ในสหรัฐฯ โดยกล่าวถึงเหตุผลด้านความมั่นคงของชาติ รัฐบาลได้เสนอให้ Oracle และ Walmart เข้าซื้อกิจการ TikTok แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จ
    • คณะกรรมการว่าด้วยการลงทุนจากต่างประเทศในสหรัฐอเมริกา (CFIUS) เปิดการสอบสวน TikTok เพื่อเพิ่มแรงกดดันให้ ByteDance ขายกิจการให้สหรัฐฯ
  2. ประเทศอื่น ๆ
    • อินเดีย ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดที่ใหญ่ที่สุดของ TikTok สั่งแบน TikTok ในปี 2020 พร้อมกับแอปพลิเคชันสัญชาติจีนจีนอื่น ๆ อีก 58 แอป โดยอ้างเหตุผลด้านความมั่นคงของชาติ หลังจากเกิดการปะทะบริเวณชายแดนพื้นที่พิพาทบนเทือกเขาหิมาลัย
    • หลายประเทศอื่น ๆ รวมถึงออสเตรเลียและญี่ปุ่น ก็ได้พิจารณาหรือกำหนดข้อจำกัดสำหรับ TikTok เช่นกัน แม้ว่าจะไม่รุนแรงเท่ากับในสหรัฐฯ หรืออินเดีย

TikTok เผชิญกับความท้าทายอันเนื่องมาจากปัญหาทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะในตลาดสำคัญอย่างสหรัฐอเมริกา ความสัมพันธ์กับรัฐบาลจีนส่งผลให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของข้อมูล ซึ่งกระทบต่อชื่อเสียงและความไว้วางใจในแพลตฟอร์ม โดยเฉพาะในประเทศตะวันตก นอกจากนี้ การคุกคามด้วยการแบนและการบังคับขายกิจการในสหรัฐฯ ยังสร้างอุปสรรคในการดำเนินงานและการวางกลยุทธ์ของ TikTok ด้วย อย่างไรก็ตาม แม้จะเผชิญกับปัญหาเหล่านี้ TikTok ยังคงเติบโตในหลายภูมิภาค แต่ความเสี่ยงจากการสูญเสียตลาดขนาดใหญ่อย่างสหรัฐฯ และอินเดียอาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อรายได้และกลยุทธ์ของบริษัท

การตอบโต้ของ TikTok

TikTok ได้ต่อสู้ด้วยกลยุทธ์หลากหลายด้าน เช่น บริษัทได้ดำเนินการทางกฎหมายเพื่อต่อสู้กับการถูกสั่งแบนในสหรัฐฯ ซึ่งช่วยให้มีเวลาในการเจรจาและวางแผน พร้อมกันนั้นก็ได้เพิ่มความโปร่งใสโดยประกาศแผนการจัดเก็บข้อมูลผู้ใช้นอกประเทศจีน นอกจากนี้ TikTok ยังได้ทำแคมเปญประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่เป็นอิสระจากจีน และสำรวจความเป็นไปได้ในการร่วมมือกับบริษัทสหรัฐฯ อย่าง Oracle และ Walmart เพื่อจัดการการดำเนินงานในอเมริกา ทั้งหมดนี้เป็นความพยายามของ TikTok ในการรักษาตำแหน่งในตลาดสำคัญ ในขณะที่ยังคงควบคุมเทคโนโลยีหลักของตนไว้

ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนได้สร้างความท้าทายอย่างยิ่งต่อการดำเนินงานของ TikTok ในตลาดสหรัฐฯ แม้บริษัทจะพยายามอย่างเต็มที่ในการปรับตัวและสร้างความน่าเชื่อถือก็ตาม ซึ่งส่งผลกระทบต่ออนาคตของ TikTok ในตลาดโลกอย่างมีนัยสำคัญ

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับเคส Tik Tok 👉 “ท่านครับ ผมเป็นคนสิงคโปร์” – ถอดบทเรียนการสื่อสารจาก CEO Tiktok 

Nike

ในปี 2021 Nike เผชิญกับกระแสต่อต้านในจีนหลังจากบริษัทแสดงความกังวลเกี่ยวกับรายงานการใช้แรงงานบังคับในซินเจียง ซึ่งเป็นภูมิภาคในจีนที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อชาวมุสลิมอุยกูร์ แถลงการณ์ของ Nike นำไปสู่กระแสชาตินิยมในจีน ส่งผลให้เกิดการเรียกร้องให้คว่ำบาตรแบรนด์

ผลกระทบ:

  • ยอดขายลดลง: ยอดขายของ Nike ในจีน ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดใหญ่ที่สุดของบริษัท ได้รับผลกระทบเมื่อผู้บริโภคหันไปใช้แบรนด์ในประเทศแทน แฮชแท็ก #BoycottNike กลายเป็นกระแสบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของจีน
  • ภาพลักษณ์แบรนด์: ในขณะที่จุดยืนของ Nike ด้านสิทธิมนุษยชนได้รับการตอบรับในเชิงบวกในตลาดตะวันตก แต่กลับประสบปัญหาอย่างมากในจีน ซึ่งถูกมองว่าเป็นการแทรกแซงกิจการภายในประเทศ

การตอบโต้ของ Nike 

Nike ยังคงยึดมั่นในความมุ่งมั่นเรื่องการจัดหาวัตถุดิบอย่างมีจริยธรรมและคำนึงถึงสิทธิมนุษยชน แต่ก็มีส่วนความพยายามทางการตลาดที่เน้นความเป็นท้องถิ่นมากขึ้นในจีนเพื่อฟื้นฟูภาพลักษณ์แบรนด์ บริษัทเน้นย้ำถึงการมีส่วนร่วมของตนในวงการกีฬาและวัฒนธรรมจีนมากขึ้น

Apple

หลังจากที่รัสเซียบุกยูเครนในปี 2022 บริษัทตะวันตกหลายแห่ง รวมถึง Apple เผชิญกับแรงกดดันให้แสดงจุดยืนต่อต้านการกระทำของรัสเซีย เพื่อแสดงการตอบสนองต่อสถานการณ์ Apple ได้ระงับการขายในรัสเซียและลบแอพสื่อของรัฐบาลรัสเซียออกจาก App Store ทั่วโลก

ผลกระทบ:

  • การสูญเสียรายได้: แม้ว่ายอดขายในรัสเซียจะมีสัดส่วนเพียงเล็กน้อยจากยอดขายทั่วโลกของ แต่การตัดสินใจนี้ส่งผลกระทบทางการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทของภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่กำลังประสบกันอยู่ทั่วโลก
  • ความท้าทายในการดำเนินงาน: การตัดสินใจของ Apple ที่จะยุติการดำเนินงานในรัสเซียยังหมายถึงการหยุดชะงัก Supply Chain และการสนับสนุนบริการในประเทศ
  • ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์: การกระทำของ Apple ชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงที่ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์มีผลต่อแบรนด์ระดับโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทที่ดำเนินการในภูมิภาคที่มีข้อพิพาท

การตอบโต้ของ Apple

Apple ได้ขยายการดำเนินงานในตลาดเกิดใหม่อื่น ๆ เช่น เวียดนาม อินเดีย เม็กซิโก บราซิล และอื่น ๆ บริษัทยังคงปรับกลยุทธ์ด้าน Supply Chain ทั่วโลกอย่างต่อเนื่องเพื่อรับมือกับสภาพแวดล้อมทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ซับซ้อน

บทบาทของผู้นำธุรกิจในบริบท Geopolitics

  1. เริ่มต้นที่คณะกรรมการบริษัท (Board)

คณะกรรมการบริษัทหลายแห่งได้พิจารณาความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์อยู่แล้ว แต่การอภิปรายมักจะเน้นไปที่การลงทุน การทำโปรเจกต์ หรือการเข้าสู่ตลาดในพื้นที่นั้น ๆ ดังนั้นเพื่อให้ธุรกิจใช้แนวทางเชิงกลยุทธ์มากขึ้น ผู้นำองค์กรจึงควรเตรียมความพร้อมดังต่อไปนี้

  • ขยายขอบเขต: คณะกรรมการควรจัดสรรเวลาเพื่อวิเคราะห์ว่าความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ส่งผลกระทบต่อองค์กรอย่างไรในภาพรวมอยู่เป็นประจำ โดยอาจจะทำเป็นรายเดือน หรือรายสัปดาห์ เนื่องจากมีสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนเกิดขึ้นในทุกวัน
  • คำนึงถึงความเสี่ยง: พิจารณาสถานการณ์ความเสี่ยงและผลกระทบในวงกว้างว่าจะส่งผลกระทบต่อองค์กรอย่างไร
  1.  จัดเตรียมองค์กรของเพื่อรับมือกับความไม่แน่นอน 

ผู้นำองค์กรสามารถจัดเตรียมองค์กรเพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนได้โดยการ

  • สร้างความได้เปรียบด้านข้อมูลเชิงลึก
  • คาดการณ์และปรับตัวด้วยการวางแผนสถานการณ์
  • พัฒนาชุดของการดำเนินการเชิงกลยุทธ์
  • สร้างความแข็งแกร่งทางภูมิรัฐศาสตร์

นอกจากนี้ แต่ละธุรกิจยังสามารถส่งเสริมความร่วมมือเพื่อมีส่วนร่วมและช่วยกำหนดทิศทางการสนทนาเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของโลกปัจจุบัน

บทสรุป

ในโลกที่มีการเชื่อมโยงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ภูมิรัฐศาสตร์กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ธุรกิจไม่อาจมองข้าม ความท้าทายทางภูมิรัฐศาสตร์ส่งผลกระทบต่อทุกด้านของการดำเนินธุรกิจ ตั้งแต่ Supply Chain ไปจนถึงการลงทุนและกลยุทธ์ทางการตลาด ดังที่เห็นได้จากกรณีศึกษาของบริษัทชั้นนำระดับโลก การปรับตัวและความยืดหยุ่นเป็นสิ่งสำคัญในการรับมือกับความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ ที่ผู้บริหารและผู้นำองค์กรต้องใส่ใจนอกจากนี้ยังต้องพัฒนาความเข้าใจเชิงลึกเกี่ยวกับพลวัตของโลก คอยคาดการณ์และตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ในท้ายที่สุด การมองการเมืองผ่านแว่นธุรกิจไม่เพียงแต่จะช่วยบริหารความเสี่ยง แต่ยังเปิดโอกาสใหม่ ๆ สำหรับการเติบโตและนวัตกรรมในตลาดโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

References:

Update ความรู้จาก Disrupt ได้ที่ช่องทาง