Pat Thitipattakul
Corporate Innovation Manager
เริ่มต้นกันแล้วสำหรับโครงการ StormBreaker EdTech Accelerator บ่มเพาะสตาร์ทอัพด้านการศึกษา Batch 2 ซึ่งใน session แรกนี้ เราได้พาสตาร์ทอัพทั้ง 4 ทีมไปพบกับ ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ และทีมนักวิจัยนโยบายด้านการปฏิรูปการศึกษา Thailand Development Research Institute (TDRI) คุณทราย ณิชา พิทยาพงศกร และคุณตี่ วินิทร เธียรวณิชพันธุ์ โดยทั้ง 4 ทีมได้รับคำแนะนำแบบ 1-1 และทำความเข้าใจกับโจทย์ด้านการศึกษาที่เป็นประเด็นที่ท้าทายสำหรับประเทศไทย เพื่อนำไปพัฒนาเป็นโซลูชั่นต่อไป
คุณทราย ได้กล่าวถึงเทรนด์การเปลี่ยนแปลงในประเทศของเราซึ่งมีผลกระทบต่อวงการศึกษาไทยเอาไว้ 3 อย่างหลัก ได้แก่
ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ภายในอีก 3 ปีนี้ นั่นหมายความว่าคุณครูก็จะทยอยเกษียณอายุไป เราจึงจำเป็นที่จะต้องพัฒนาคุณครูรุ่นใหม่ออกมาให้เพียงพอต่อแต่ละพื้นที่และให้มีศักยภาพที่ดี
ในขณะเดียวกันจำนวนเด็กที่เกิดในแต่ละปีนั้นลดลงเรื่อยๆ ผลกระทบต่อการศึกษาที่เห็นได้ชัดคือจำนวนเด็กที่สมัครมีน้อยกว่าจำนวนนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยเปิดรับทั้งหมดเสียอีก ในเมื่อปริมาณเด็กลดลง จึงเกิดเป็นเทรนด์ใหม่ที่มักจะเปิดเป็นโรงเรียนขนาดเล็กแทน 50% ของโรงเรียนทั่วประเทศถือเป็นโรงเรียนขนาดเล็กแล้ว แต่ก็มีประเด็นท้าทายเพราะว่าจำนวนงบประมาณและทรัพยากรที่โรงเรียนในระบบจะได้รับถูกจัดสรรตามขนาดของโรงเรียน หมายความว่า หากโรงเรียนมีขนาดเล็ก ก็อาจได้รับเงินไม่เพียงพอในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน หรือได้รับจำนวนอัตราครูไม่เพียงพอ ทำให้ครู 1 คนต้องทำหน้าที่หลายอย่างนอกเหนือจากการสอน เช่น งานธุรการ งานเอกสาร จึงจำเป็นที่จะต้องมีเครื่องมือมาช่วยลดงานส่วนอื่นของคุณครู เพื่อให้คุณครูมีเวลาไปทุ่มเทให้กับการวางแผนการสอนและพัฒนาความสัมพันธ์กับเด็กๆ
เทคโนโลยีด้านการศึกษาหรือว่า EdTech ได้เข้ามามีบทบาทมากขึ้น ดังที่เห็นได้ว่าทั้งมหาวิทยาลัยและหน่วยงานต่างๆ เริ่มเข้ามาทำ Massive Open Online Courses (MOOC) แพลตฟอร์มการเรียนออนไลน์กันเยอะขึ้น ช่วยให้การศึกษาเข้าถึงได้ง่ายขึ้นแต่ก็ยังเหมาะสมกับแค่คนบางกลุ่มอยู่และส่วนมากคนที่เข้ามาเรียนก็มักเป็นกลุ่มชนชั้นกลางขึ้นไป ตัวคอร์สเรียนเองก็ยังเป็นรูปแบบการนำวิดิโอการสอนปกติมาอัพโหลด ยังไม่ค่อยมีสื่อที่ interactive มากนัก จึงประสบปัญหาว่ามีผู้เรียนจนจบทั้งหมดค่อนข้างน้อยทั้งที่เปิดให้ใช้ฟรี
นอกจากนี้ก็มีเทรนด์เรื่องของ Digital Disruption ที่เทคโนโลยีเข้ามาทดแทนการทำงานของมนุษย์ ทำให้คนบางส่วนตกงานหรือหางานยากขึ้น จึงเกิดความจำเป็นที่ต้องมีการ Reskill บุคลากรให้พัฒนาทักษะใหม่ๆ ที่จำเป็นสำหรับยุคดิจิทัล ในจุดนี้ EdTech ก็สามารถเข้ามาช่วยได้
ด้วยความที่จำนวนเด็กที่เกิดลดน้อยลง และแต่ละครอบครัวมักมีลูกไม่เกิน 1-2 คน ทำให้ผู้ปกครองกลุ่มที่พอมีฐานะให้ความสำคัญกับการศึกษามาก และยินดีที่จะจ่ายเงินเพื่อให้ลูกได้รับสิ่งที่ดีที่สุดเกิดเป็นเทรนด์ว่าจำนวนเงินที่ผู้ปกครองใช้จ่ายในเรื่องการศึกษามีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น เช่น ให้ลูกเรียน รร.อินเตอร์ เป็นต้น
อีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจคือ ความต้องการใบปริญญาเริ่มน้อยลงในบางสาขา จำนวนคนที่เรียนต่อปริญญาโทก็เริ่มลดน้อยลง เพราะในปัจจุบันมีทางเลือกต่างๆ มากขึ้น ตัวอย่างเช่น บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Google เองก็ออกมาประกาศว่าไม่ดูใบปริญญา หากใครทำแบบทดสอบการเขียนโค้ดผ่านก็มีสิทธิได้รับการเรียกสัมภาษณ์ เทรนด์แบบนี้ทำให้คนเริ่มมาเลือกเรียนสิ่งที่เฉพาะเจาะจงและนำไปใช้ทำงานได้ทันที มากกว่าการไปเขียนหลักสูตรที่ใช้เวลาหลายปีแบบเดิม
นอกจากนี้ คุณทราย ยังได้เล่าประเด็นความท้าทายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับด้านการศึกษาไว้ดังนี้ ซึ่งต้องการฝากให้เหล่า EdTech startup และผู้ที่สนใจด้านการศึกษาทั่วประเทศนำไปคิดต่อ
สตาร์ทอัพในโครงการ StormBreaker ของเราแต่ละทีมมุ่งมั่นที่จะแก้โจทย์ในแต่ละด้าน แต่แน่นอนว่ายังมีปัญหาอีกหลายด้านที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข เราจึงขอเชิญชวนทุกท่านที่สนใจในเรื่องการศึกษามาร่วมมือกันสร้างโซลูชั่นใหม่ๆ ให้กับประเทศ โดยสามารถติดต่อมา partner กับโครงการของเรา หรือ ร่วม partner สนับสนุน EdTech startup ในโครงการได้ที่ https://www.disruptignite.com/partnership ซึ่งหากท่านเป็นบุคคลธรรมดาก็สามารถสนับสนุนโดยการสมัครเป็น volunteer มาช่วยงานสตาร์พอัพด้านการศึกษาแบบ part-time ได้เช่นกัน