Collaboration Skills ทักษะทีมเวิร์ค สร้างความเข้าใจร่วมกัน

August 5, 2024
Palida Koyama Yukie
Collaboration Skill คือ

Collaboration Skills หรือทักษะการร่วมมือ เป็นทักษะในศตวรรษที่ 21 ที่สำคัญอย่างยิ่ง เพราะแม้ว่าเทคโนโลยีจะเข้ามาส่งผลกระทบต่อมนุษย์ในการสื่อสารและการร่วมมือ ทักษะทีมเวิร์ค หรือการทำงานร่วมกัน ก็ยังถูกจัดอันดับให้เป็นทักษะที่องค์กรมองหาในตัวผู้นำเป็นอันดับต้น ๆ เพราะนอกจากจะทำให้งานออกมาสำเร็จลุล่วงตามเป้าหมายได้อย่างดีแล้ว Collaboration Skills ยังส่งเสริมให้คนในทีมนั้นมีขวัญกำลังใจที่ดี เปิดใจ และสร้างสรรค์ไอเดียใหม่ ๆ ได้มากกว่า

Highlight

  • Collaboration Skills คือทักษะการทำงานร่วมกัน ที่ทำให้เกิดการเสนอไอเดียใหม่ ๆ และการรับฟัง รวมถึงต่อยอดไอเดียจากผู้อื่นในทีม
  • Collaboration Skills เป็นทักษะที่หล่อลอมมาจากทักษะอื่น ๆ เช่น ทักษะการสื่อสาร การทำงานเป็นทีมเวิร์ค และการเข้าอกเข้าใจกัน
  • กระบวนการพัฒนาการทำงานร่วมกัน ต้องอาศัยการพัฒนาที่สม่ำเสมอและต่อเนื่อง

collaboration skill คืออะไร?

Collaboration Skills คือ

Collaboration Skills คือทักษะความร่วมมือ และการทำงานร่วมกันอย่างมีทีมเวิร์ค เป็น soft skill อย่างหนึ่ง ในการพัฒนากระบวนการทำงานและผลลัพธ์ของผลงานให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งมีความจำเป็นอย่างยิ่งในยุค AI Disruption เพราะนอกจากคนจะสามารถสร้างสรรค์สิ่งใหม่โดยใช้ AI ได้มากขึ้นแล้ว สิ่งสำคัญก็ยังคงเป็นการต่อยอด ไอเดียหรือความคิดเหล่านั้น ผ่านการทำงานร่วมกับผู้อื่น 

เนื่องจาก AI เขามาช่วยมนุษย์ในบทบาทการสร้างสรรค์ไอเดียได้รวดเร็ว แต่ในด้านการตัดสินใจยังคงต้องใช้ทักษะและความสามารถของมนุษย์ เพื่อวิเคราะห์ และต่อยอด การทำงานร่วมกันแบบทีมเวิร์ค คือไม่ตัดสิน และช่วยกันแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อน Collaboration Skills จึงเป็นทักษะที่องค์กรควรพัฒนาฝึกฝนพนักงานให้มีถ้วนหน้าเพื่อพร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต

collaboration skill มีความสำคัญต่อองค์กรอย่างไร?

ทักษะการทำงานร่วมกัน (Collaboration skills) มีความสำคัญต่อองค์กรเป็นอย่างมาก ดังนี้

  1. Colloboration Skills คือสิ่งที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน

การทำงานเป็นทีมช่วยให้คนในทีมสามารถดึงพลังความรู้ ทักษะความสามารถ และไอเดียที่หลากหลายออกมาได้ โดยจะสามารถช่วยเรื่องการคิดริเริ่มและการแก้ไขปัญหาได้ดี เนื่องจากมีมุมมองที่แตกต่างจากหลากหลายประสบการณ์มาร่วมออกความเห็น 

การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ ช่วยให้สมาชิกในทีมเข้าใจ เป้าหมาย ความคืบหน้า และปัญหาอุปสรรคได้ตรงกัน ช่วยให้การทำงานราบรื่น ลดการทำงานซ้ำซ้อน และประหยัดเวลา อีกทั้งยังทำให้เกิดการแบ่งปันทรัพยากร ความรู้ และข้อมูลข่าวสาร ช่วยให้สมาชิกในทีมเรียนรู้ซึ่งกันและกันได้ดียิ่งขึ้น

  1. Colloboration Skills คือเครื่องมือที่เพิ่มการมีส่วนร่วมของพนักงาน 

การเสริมทักษะการมีส่วนร่วมช่วยให้เพื่อนร่วมทีมเห็นความสำคัญของกันและกัน ทำให้พวกเขารู้สึกมีกำลังใจ รู้สึกมีคุณค่า ที่ได้รับการสนับสนุนจากเพื่อนร่วมงาน พวกเขามีแนวโน้มที่จะมีขวัญกำลังใจสูงขึ้น เกิดความผูกพันกับองค์กร และพร้อมที่จะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

  1. ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับองค์กร 

ในยุคปัจจุบันที่องค์กรต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรง ทั้งเรื่อง AI และเทคโนโลยี  องค์กรที่มีพนักงานที่มีทักษะการทำงานร่วมกันที่ดี จะสามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้รวดเร็ว ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจได้สำเร็จ เนื่องจากพนักงานมีความเปิดใจ และรับฟังซึ่งกันและกันได้ดีกว่า 

collaboration skill ประกอบไปด้วยลักษณะใดบ้าง?

Collaboration Skills ประกอบไปด้วยทักษะหลายอย่างประกอบกัน ไม่ว่าจะเป็น การฟัง การเสนอไอเดีย หรือการทำงานอย่างเป็นทีมเวิร์ค รวมไปถึงการมีกรอบความคิดที่เปิดกว้าง หรือ Growth Mindset ที่ช่วยให้คนในทีมไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค และสามารถฟันฝ่าทุกปัญหาไปได้

เคารพความคิดเห็นซึ่งกันและกัน

คนในทีมควรให้ความสำคัญกับความคิดเห็นของผู้อื่น แม้ว่าจะแตกต่างจากความคิดของตนเองก็ตาม รับฟังอย่างตั้งใจ เปิดใจรับฟังมุมมองที่หลากหลาย และแสดงความคิดเห็นอย่างสุภาพ รวมไปถึงอธิบายประเด็นของตนเองให้ชัดเจน และเมื่อมีข้อขัดแย้ง สมาชิกในทีมควรทำความเข้าใจมุมมองของผู้อื่นก่อนตัดสิน

แลกเปลี่ยนความรู้อยู่เสมอ

ควรแบ่งปันความรู้ ประสบการณ์ และข้อมูลข่าวสารซึ่งกันและกัน ช่วยเหลือเพื่อนร่วมงาน เรียนรู้ซึ่งกันและกัน พัฒนาทักษะที่ในทีมขาดไปพร้อม ๆ กัน โดยองค์กรสามารถสนับสนุนการแลกเปลี่ยนความรู้ ผ่านการสร้าง Knowledge Management การจัดอบรมพนักงาน การสอนงานแบบ Job Shadowing  เป็นต้น

สื่อสารอย่างตรงประเด็น

สื่อสารอย่างชัดเจน ตรงประเด็น เข้าใจง่าย หลีกเลี่ยงความคลุมเครือ และใช้ภาษาที่เหมาะสมกับสถานการณ์ โดยอาจใช้เอกสาร Presentation เป็นตัวช่วยในการสื่อสารข้อมูลระหว่างกันให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ประนีประนอมและยืดหยุ่นได้

คนในทีมควรพร้อมที่จะประนีประนอม หาจุดกึ่งกลาง และปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง และมีความยืดหยุ่นกับแผนการ อาจใช้เฟรมเวิร์ค Tight-  Lose - Tight ของคุณ Sigve Brekke, CEO ของ Telenor Group มาใช้ กล่าวคือ 

Tight จะใช้ไปกับกระบวนการตั้งเป้าหมาย โดยทีมจะต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน รัดกุม และมั่นคง ทุกคนจะยึดมั่นกับเป้าหมายนี้อย่างแรงกล้า

Lost ใช้กับกระบวนการ ที่ต้องมีความยืดหยุ่น พร้อมปรับเปลี่ยนอยู่เสมอ

แต่สุดท้าย ยังต้อง Tight กับกระบวนการวัดผลงาน หัวหน้า หรือทีมที่ดี จะสามารถหาจุดยืดหยุ่นหรือกึ่งกลางได้ระหว่างกระบวนการ แต่การวัดผลยังต้องเหนียวแน่น และชัดเจน สม่ำเสมอ

ทำงานร่วมกันตามความถนัด

สมาชิกในทีมควรได้รับโอกาสให้ทำงานตามความถนัด ทักษะ และประสบการณ์ของตนเอง เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยในปัจจุบันมีหลายองค์กรที่ใช้ Personality Test หรือ Strength Test เข้ามาช่วยวัดความถนัด และรูปแบบของชุดทักษะของคนในทีม ซึ่งช่วยให้พวกเขาบริหารจัดการ  workload ได้ดียิ่งขึ้น ตัวอย่าง Test หรือแบบทดสอบที่นิยมมีมากมาย เช่น MBTI, DISC หรือ Gallup Strength Finder ที่มุ่งเน้นไปที่การวัดจุดแข็งนั่นเอง

ขอความช่วยเหลือเมื่อจำเป็น

สุดท้ายแล้วการมี Collaboration จะเกิดไม่ได้เลย หากทีมไม่ได้แสดง “Vulnarability” หรือด้านที่อ่อนแอให้ทีมเห็น การขอความช่วยเหลือยามจำเป็นจึงสำคัญมาก ๆ กับการสร้างความร่วมมือในทีม เพราะคนในทีมจะเกิดความเห็นอกเห็นใจ และการช่วยเหลือกันอย่างเป็นธรรมชาติ นอกจากนั้นยังแสดงให้เห็นถึงการตระหนักรู้ถึงสถานการณ์ และเป็นการพยายามหาทางออกให้แก่ปัญหาอีกวิธีหนึ่งด้วย

อยากพัฒนา collaboration skill ต้องทำอย่างไร?

พัฒนา Collaboration Skills

การพัฒนา Collaboration Skills คือสิ่งที่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอกับทีม และมีการพยายามปรับจูนกัน และการใช้ทักษะมาผสมผสานที่หลากหลาย ซึ่งทักษะเหล่านี้ต่างเป็นทักษะที่จำเป็นต่อการทำงานในอนาคตทั้งสิ้น

พัฒนาทักษะการสื่อสาร

  ฝึกฝนการสื่อสารที่ชัดเจน ตรงประเด็น ฟังอย่างตั้งใจ ใช้ภาษากายและน้ำเสียงที่เหมาะสม ฝึกฝนการสื่อสารหลากหลายรูปแบบ ซึ่งเหล่านี้เป็นหนึ่งในปัจจัยของทักษะการสื่อสารที่สำคัญ โดยปกติแล้วน้ำเสียงและภาษากายเป็นสิ่งสำคัญที่จะดึงดูดให้คนมาร่วมทำงานในทีมได้ดียิ่งขึ้น หากเราใช้น้ำเสียงในโทนสดใส ในช่วงเวลาตึงเครียด คนจะไม่เชื่อถือสิ่งที่เราพูด หรือใช้น้ำเสียงราบเรียบ ตอนเรียกขวัญกำลังใจ คนก็ไม่ฮึกเหิม อารมณ์ที่ถูกถ่ายทอดผ่านน้ำเสียงจึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญในการฝึกฝนทักษะการสื่อสาร

รับฟังให้มากขึ้น

เพิ่มเวลาตั้งใจฟังในตัวเองวันละนิด ประมาณ “3 นาที” ลองสังเกตอารมณ์ของผู้คน และตั้งใจฟังเขาอย่างจดจ่อ โดยไม่ตัดสิน ทั้งหมดนี้คือการใช้ใจฟังมากกว่าหู หรือ Empathetic Listening ซึ่งต้องเริ่มจากการวางอคติ และให้เวลากับผู้พูด รวมถึงเคารพความแตกต่างของมนุษย์ด้วย

รู้จักจัดการอารมณ์

ขจัดความรู้สึกหม่นหมองและความเครียดโดยการผ่อนคลาย โดยปกติร่างกายจะทำสิ่งนี้ได้ดี เมื่อกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ เกิดความผ่อนคลายด้วย เมื่อรู้ตัวว่ามีอารมณ์เชิงลบ หรือเครียด ให้ลองผ่อนคลายกล้ามเนื้อ โดยเริ่มจากบริเวณใบหน้า หรือโฟกัสกับลมหายใจของตนเองมากขึ้น พยายามมองหาแง่ดีของสถานการณ์  ซึ่งจะช่วยทำให้จัดการอารมณ์ได้เป็นอย่างดี

ให้ความสำคัญกับเพื่อนร่วมงาน

ทุกคนต่างมีบทบาทที่สำคัญ แน่นอนว่าคำชม เป็นของขวัญที่คนเราไม่ต้องเสียเงินซื้อ การหัดเริ่มชมหรือยอมรับในบทบาทของเพื่อนร่วมงานจึงสำคัญ อาจจะเริ่มจากการชมพฤติกรรม หรือสถานการณ์ที่เขาทำให้เราประทับใจ ก็จะทำให้เรามองเห็นอีกมุมของเพื่อนในทีม ที่ตอนแรกเราอาจจะลืม หรือไม่ได้แสดงออกว่ายอมรับนั่นเอง

รับผิดชอบต่อหน้าที่

เมื่อได้รับมอบหมายงาน จะต้องทำให้เต็มที่ รวมถึงการมองหาทรัพยากรรอบ ๆ ตัวมาช่วยให้งานของเราออกมาประสบความสำเร็จ มี Commitment กับงานและทำให้ทุกวันของเรามีความหมาย พัฒนาตัวเองไปข้างหน้าได้ดียิ่งขึ้น

ยอมรับความแตกต่าง

และสุดท้ายคือการยอมรับว่าทุกคนมีข้อดีและข้อเสีย ไม่มีใครถูกรัก หรือถูกเกลียดอย่างสมบูรณ์ การที่เราเลือกที่จะยอมรับว่าทุกคนแตกต่างจึงเป็นส่วนสำคัญมาก ๆ ที่ทำให้เกิด Collaboration Skills ที่ช่วยให้คนในทีมเลือกที่จะพัฒนากันและกันมากกว่าจับผิด หรือต่อว่ากัน

สรุป collaboration skill คือ

ทักษะการทำงานร่วมกัน หรือ Collaboration Skills เป็นทักษะที่จำเป็นสำหรับองค์กรทุกประเภท องค์กรที่มีพนักงานที่มีทักษะการทำงานร่วมกันที่ดี จะมีโอกาสประสบความสำเร็จและบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจได้มากกว่า เนื่องจาก Collaboration Skills ช่วยให้สมาชิกในทีมสามารถรวมพลังความรู้ ประสบการณ์ และมุมมองที่หลากหลาย เพื่อหาวิธีแก้ปัญหา คิดริเริ่ม และบรรลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยให้องค์กรมีวัฒนธรรมที่ดี  และสามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้รวดเร็ว ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ เนื่องจากทุกคนเปิดรับความแตกต่าง และพัฒนากันและกันอย่างสร้างสรรค์นั่นเอง 

สนใจพัฒนาทักษะ Collaboration Skills ไม่ต้องรอให้ทะเลาะกัน หรือขัดแย้งจนมองหน้าไม่ติด สามารถติดต่อ Disrupt Team ให้ช่วยองค์กรยกระดับการทำงานร่วมกันอย่างสร้างสรรค์ ผ่านการฝึกอบรม และกิจกรรม Team Building ได้ที่ https://www.disruptignite.com/corporateprogram

Update ความรู้จาก Disrupt ได้ที่ช่องทาง